- Home page
- Blogs Room
- เจาะลึกสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศไทย
เจาะลึกสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศไทย
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" (Aging Society) อย่างเต็มตัว และกำลังมุ่งหน้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์" (Aged Society) ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากร ไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิต และเศรษฐกิจในวงกว้าง ด้วยบริบททางสังคมในปัจจุบัน ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป อาจสังเกตได้จากหลายคนมีการครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น รวมถึงมีลูกน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้จำนวนผู้สูงอายุมีอัตราการเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี และที่ผ่านมาประเทศไทยก็ได้ก้าวเข้าสู่ ‘Aging Society’ หรือสังคมผู้สูงวัยระดับเริ่มต้น
สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ระดับต่าง ๆ
คำว่า "Aging Society" หรือ "สังคมผู้สูงอายุ" ไม่ได้เป็นเพียงคำศัพท์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางประชากรศาสตร์ที่สำคัญ โดยมีนิยามและระดับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) - ระดับเริ่มต้น คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด
2. สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมด ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เข้าสู่ระดับนี้แล้ว จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 พบว่าไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด
3. สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรโดยรวมทั้งประเทศ หรือบางนิยามอาจใช้เกณฑ์ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 28 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ระดับนี้ภายในปี พ.ศ. 2574-2578
ผลกระทบของสังคมผู้สูงอายุต่อประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุส่งผลกระทบในหลายมิติ
1. ด้านเศรษฐกิจ
- กำลังแรงงานลดลง สัดส่วนวัยแรงงานที่ลดลงอาจส่งผลต่อผลิตภาพโดยรวมของประเทศ
- ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายภาครัฐด้านสวัสดิการ บำนาญ และการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น
- การออมและการลงทุน รูปแบบการออมและการลงทุนในประเทศอาจเปลี่ยนแปลงไป
- ตลาดสินค้าและบริการ เกิดความต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุมากขึ้น เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care) เทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ (AgeTech) และอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบเพื่อผู้สูงวัย
2. ด้านสังคมและครอบครัว
- ขนาดครอบครัวเล็กลง ครอบครัวเดี่ยวมีมากขึ้น ผู้สูงอายุอาจต้องอยู่ตามลำพัง หรือพึ่งพิงผู้ดูแลที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว
- ความต้องการด้านการดูแล ความต้องการการดูแลระยะยาว (Long-term care) เพิ่มขึ้น ทั้งจากครอบครัว ชุมชน และภาครัฐ
- บทบาททางสังคมของผู้สูงอายุ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงมีบทบาท มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และรู้สึกเรามีค่า เป็นสิ่งสำคัญ
3. ด้านสุขภาพและการแพทย์
- ภาระโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งต้องการการดูแลต่อเนื่อง
- ความต้องการบริการสุขภาพเฉพาะทาง ความต้องการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ นักกายภาพบำบัด และบริการฟื้นฟูสุขภาพเพิ่มขึ้น
- สุขภาพจิต ปัญหาความเหงา ภาวะซึมเศร้า และความเสื่อมถอยทางปัญญาเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ
การเตรียมความพร้อมและปรับตัวสู่สังคมผู้สูงอายุ
การรับมือกับสังคมผู้สูงอายุต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
- ภาครัฐ วางนโยบายระยะยาวด้านผู้สูงอายุ ส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค พัฒนาระบบบำนาญและสวัสดิการ ส่งเสริมการออม และสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- ภาคเอกชน พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัย
- ภาคประชาสังคมและชุมชน สร้างเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุในชุมชน จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและสังคมสำหรับผู้สูงอายุ
- ระดับบุคคลและครอบครัว วางแผนทางการเงินเพื่อวัยเกษียณ ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เตรียมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันเราจะเห็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการคำนึงถึงที่อยู่อาศัยเพื่อคนสูงวัยกันมากขึ้น เช่นเดียวกับ ‘SIRANINN Residences’ บ้านหลังใหญ่จาก SINGHA ESTATE ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “บ้านที่ออกแบบ…เพื่อการใช้ชีวิตของครอบครัวใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ” ตั้งใจสร้างคุณค่าให้การใช้ชีวิตแบบครอบครัวใหญ่ โดยออกแบบทุกดีเทลมาอย่างใส่ใจและพิถีพิถัน ให้ทุกความสุขที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เป็นที่น่าจดจำ และยังให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะการใช้ชีวิตของ ‘ผู้สูงวัย’ ที่นอกจากจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจนเนอเรชันแล้ว ยังสอดคล้องไปกับยุค ‘Aging Society’ กลายเป็นบ้านเพื่อการใช้ชีวิตของครอบครัวใหญ่ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
เพราะ SINGHA ESTATE เชื่อว่าทุกรายละเอียดการใช้ชีวิตภายในบ้านคือความทรงจำ ทำให้แนวคิดการสร้างบ้าน ‘SIRANINN Residences’ ได้ถูกออกแบบมาบน 3 ปรัชญาหลักด้วยกัน ได้แก่ Quality Living / Healthy Living / Sustainable Living ที่พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน แม้แต่ในจุดเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น สะท้อนถึงคุณค่าของบ้านที่เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่า และเป็นสถานที่แห่งความทรงจำอันทรงคุณค่าเพื่อส่งต่อคุณค่านั้นจากรุ่นสู่รุ่น
Quality Living
ให้ทุกการอยู่อาศัยเต็มไปด้วยความสบายกายสบายใจไปกับบ้าน ‘SIRANINN Residences’ มาพร้อมการออกแบบฟังก์ชันอย่างพิถีพิถันผ่านการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ และยังใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดของความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงออกแบบทุกพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์กิจกรรมของทุกคนในครอบครัว และยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ อาทิ ห้องชั้นล่างสามารถครีเอตให้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุได้ เพราะไม่มีการเล่นระดับพื้นและมีขนาดของห้องน้ำที่รองรับวีลแชร์ได้อย่างพอดี และทุกคนยังอยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจด้วยระบบเตือนการบำรุงรักษาบ้าน ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานอย่างครบวงจร และอีกหนึ่งจุดเด่นคือการเดินสายไฟใต้ดินทั้งโครงการ เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ยุค ‘Aging Society’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Healthy Living
อีกหนึ่งปรัชญาในการสร้างบ้านของ SINGHA ESTATE คือ ‘สุขภาพผู้อยู่อาศัยที่ดีที่สุด’ ทำให้ ‘SIRANINN Residences’ เป็นบ้านที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ นับตั้งแต่การออกแบบบ้านที่เย็นสบายด้วย Breathable Wall นวัตกรรมการออกแบบผนังสองชั้นโดยเว้นพื้นที่ตรงกลางให้มีช่องว่างระบายความร้อนจากแสงแดด ช่วยให้บ้านเย็นสบาย และยังเลือกใช้ Acoustic Door & Window ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ให้ความเงียบสงบเมื่ออยู่ภายในบ้าน รวมถึงการคำนึงถึงทิศทางลมแบบ Cross Ventilation ให้ลมเดินทางเข้าสู่พื้นที่บ้าน และช่วยพาความร้อนและความชื้นเดินทางออกไปนอกบ้านในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศ S Air System ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเกิดอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ไปจนถึง Water Strainer System ระบบกรองน้ำประปาที่มีมาตรฐาน ทำให้ได้น้ำสะอาดสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจในทุกดีเทล ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนสูงวัยได้เป็นอย่างดี
Sustainable Living
เพราะหัวใจหลักของ SINGHA ESTATE คือการให้ความสำคัญในเรื่อง Sustainable Living ทำให้ ‘SIRANINN Residences’ จึงเป็นบ้านที่สะท้อนความสมดุลของการใช้ชีวิตผ่านแนวคิดความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง Solar Power บนหลังคาของบ้านทุกหลัง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีการนำเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการดีไซน์ โดยคำนึงถึง Shading ของบ้าน เพื่อให้แสงสว่างจากธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาภายใน เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่รายล้อมด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยและสังคมผู้สูงวัยสามารถนัดพบปะทำกิจกรรมร่วมกันได้ แถมยังตอบโจทย์วิถีชีวิตของกลุ่มคนสูงวัยที่ส่วนใหญ่ต้องการใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ‘SIRANINN Residences’ ถือเป็นบ้านหลังใหญ่ที่นอกจากจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสอดคล้องไปกับ ‘Aging Society’ หรือยุคที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนสูงวัยได้อย่างแท้จริง