• Home page
  • Blogs Room
  • เจาะลึกสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศไทย
20 Jun 2025

เจาะลึกสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศไทย

เจาะลึกสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" (Aging Society) อย่างเต็มตัว และกำลังมุ่งหน้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์" (Aged Society) ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากร ไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิต และเศรษฐกิจในวงกว้าง ด้วยบริบททางสังคมในปัจจุบัน ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป อาจสังเกตได้จากหลายคนมีการครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น รวมถึงมีลูกน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้จำนวนผู้สูงอายุมีอัตราการเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี และที่ผ่านมาประเทศไทยก็ได้ก้าวเข้าสู่ ‘Aging Society’ หรือสังคมผู้สูงวัยระดับเริ่มต้น


สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ระดับต่าง ๆ

คำว่า "Aging Society" หรือ "สังคมผู้สูงอายุ" ไม่ได้เป็นเพียงคำศัพท์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางประชากรศาสตร์ที่สำคัญ โดยมีนิยามและระดับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) - ระดับเริ่มต้น คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด

2. สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมด ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เข้าสู่ระดับนี้แล้ว จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 พบว่าไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด

3. สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรโดยรวมทั้งประเทศ หรือบางนิยามอาจใช้เกณฑ์ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 28 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ระดับนี้ภายในปี พ.ศ. 2574-2578


ผลกระทบของสังคมผู้สูงอายุต่อประเทศไทย

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุส่งผลกระทบในหลายมิติ

1. ด้านเศรษฐกิจ

  • กำลังแรงงานลดลง สัดส่วนวัยแรงงานที่ลดลงอาจส่งผลต่อผลิตภาพโดยรวมของประเทศ
  • ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายภาครัฐด้านสวัสดิการ บำนาญ และการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น
  • การออมและการลงทุน รูปแบบการออมและการลงทุนในประเทศอาจเปลี่ยนแปลงไป
  • ตลาดสินค้าและบริการ เกิดความต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุมากขึ้น เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care) เทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ (AgeTech) และอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบเพื่อผู้สูงวัย

2. ด้านสังคมและครอบครัว

  • ขนาดครอบครัวเล็กลง ครอบครัวเดี่ยวมีมากขึ้น ผู้สูงอายุอาจต้องอยู่ตามลำพัง หรือพึ่งพิงผู้ดูแลที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว
  • ความต้องการด้านการดูแล ความต้องการการดูแลระยะยาว (Long-term care) เพิ่มขึ้น ทั้งจากครอบครัว ชุมชน และภาครัฐ
  • บทบาททางสังคมของผู้สูงอายุ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงมีบทบาท มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และรู้สึกเรามีค่า เป็นสิ่งสำคัญ

3. ด้านสุขภาพและการแพทย์

  • ภาระโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งต้องการการดูแลต่อเนื่อง
  • ความต้องการบริการสุขภาพเฉพาะทาง ความต้องการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ นักกายภาพบำบัด และบริการฟื้นฟูสุขภาพเพิ่มขึ้น
  • สุขภาพจิต ปัญหาความเหงา ภาวะซึมเศร้า และความเสื่อมถอยทางปัญญาเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ


การเตรียมความพร้อมและปรับตัวสู่สังคมผู้สูงอายุ

การรับมือกับสังคมผู้สูงอายุต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

  • ภาครัฐ วางนโยบายระยะยาวด้านผู้สูงอายุ ส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค พัฒนาระบบบำนาญและสวัสดิการ ส่งเสริมการออม และสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
  • ภาคเอกชน พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัย
  • ภาคประชาสังคมและชุมชน สร้างเครือข่ายดูแลผู้สูงอายุในชุมชน จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและสังคมสำหรับผู้สูงอายุ
  • ระดับบุคคลและครอบครัว วางแผนทางการเงินเพื่อวัยเกษียณ ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เตรียมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันเราจะเห็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการคำนึงถึงที่อยู่อาศัยเพื่อคนสูงวัยกันมากขึ้น เช่นเดียวกับ SIRANINN Residences บ้านหลังใหญ่จาก SINGHA ESTATE ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “บ้านที่ออกแบบ…เพื่อการใช้ชีวิตของครอบครัวใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ” ตั้งใจสร้างคุณค่าให้การใช้ชีวิตแบบครอบครัวใหญ่ โดยออกแบบทุกดีเทลมาอย่างใส่ใจและพิถีพิถัน ให้ทุกความสุขที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เป็นที่น่าจดจำ และยังให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะการใช้ชีวิตของ ‘ผู้สูงวัย’ ที่นอกจากจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจนเนอเรชันแล้ว ยังสอดคล้องไปกับยุค ‘Aging Society’ กลายเป็นบ้านเพื่อการใช้ชีวิตของครอบครัวใหญ่ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

เพราะ SINGHA ESTATE เชื่อว่าทุกรายละเอียดการใช้ชีวิตภายในบ้านคือความทรงจำ ทำให้แนวคิดการสร้างบ้าน ‘SIRANINN Residences’ ได้ถูกออกแบบมาบน 3 ปรัชญาหลักด้วยกัน ได้แก่ Quality Living / Healthy Living / Sustainable Living ที่พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน แม้แต่ในจุดเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น สะท้อนถึงคุณค่าของบ้านที่เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่า และเป็นสถานที่แห่งความทรงจำอันทรงคุณค่าเพื่อส่งต่อคุณค่านั้นจากรุ่นสู่รุ่น

Quality Living

ให้ทุกการอยู่อาศัยเต็มไปด้วยความสบายกายสบายใจไปกับบ้าน ‘SIRANINN Residences’ มาพร้อมการออกแบบฟังก์ชันอย่างพิถีพิถันผ่านการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ และยังใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดของความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงออกแบบทุกพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์กิจกรรมของทุกคนในครอบครัว และยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ อาทิ ห้องชั้นล่างสามารถครีเอตให้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุได้ เพราะไม่มีการเล่นระดับพื้นและมีขนาดของห้องน้ำที่รองรับวีลแชร์ได้อย่างพอดี และทุกคนยังอยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจด้วยระบบเตือนการบำรุงรักษาบ้าน ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานอย่างครบวงจร และอีกหนึ่งจุดเด่นคือการเดินสายไฟใต้ดินทั้งโครงการ เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ยุค ‘Aging Society’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Healthy Living

อีกหนึ่งปรัชญาในการสร้างบ้านของ SINGHA ESTATE คือ ‘สุขภาพผู้อยู่อาศัยที่ดีที่สุด’ ทำให้ ‘SIRANINN Residences’ เป็นบ้านที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ นับตั้งแต่การออกแบบบ้านที่เย็นสบายด้วย Breathable Wall นวัตกรรมการออกแบบผนังสองชั้นโดยเว้นพื้นที่ตรงกลางให้มีช่องว่างระบายความร้อนจากแสงแดด ช่วยให้บ้านเย็นสบาย และยังเลือกใช้ Acoustic Door & Window ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ให้ความเงียบสงบเมื่ออยู่ภายในบ้าน รวมถึงการคำนึงถึงทิศทางลมแบบ Cross Ventilation ให้ลมเดินทางเข้าสู่พื้นที่บ้าน และช่วยพาความร้อนและความชื้นเดินทางออกไปนอกบ้านในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศ S Air System ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเกิดอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ไปจนถึง Water Strainer System ระบบกรองน้ำประปาที่มีมาตรฐาน ทำให้ได้น้ำสะอาดสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจในทุกดีเทล ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนสูงวัยได้เป็นอย่างดี

Sustainable Living

เพราะหัวใจหลักของ SINGHA ESTATE คือการให้ความสำคัญในเรื่อง Sustainable Living ทำให้ ‘SIRANINN Residences’ จึงเป็นบ้านที่สะท้อนความสมดุลของการใช้ชีวิตผ่านแนวคิดความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง Solar Power บนหลังคาของบ้านทุกหลัง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีการนำเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการดีไซน์ โดยคำนึงถึง Shading ของบ้าน เพื่อให้แสงสว่างจากธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาภายใน เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่รายล้อมด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยและสังคมผู้สูงวัยสามารถนัดพบปะทำกิจกรรมร่วมกันได้ แถมยังตอบโจทย์วิถีชีวิตของกลุ่มคนสูงวัยที่ส่วนใหญ่ต้องการใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ

ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ‘SIRANINN Residences’ ถือเป็นบ้านหลังใหญ่ที่นอกจากจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสอดคล้องไปกับ ‘Aging Society’ หรือยุคที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนสูงวัยได้อย่างแท้จริง

Share :