• Home page
  • Blogs Room
  • อยากรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำอย่างไรได้บ้าง ?
19 Aug 2019

อยากรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำอย่างไรได้บ้าง ?

อยากรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำอย่างไรได้บ้าง ?

1. นายหน้า

โดยส่วนใหญ่สำหรับคนที่ไม่ได้มีเงินลงทุนอะไรมากมายก็มักจะมาเริ่มต้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กันที่การเป็น “นายหน้า” กันเป็นหลักหน้าที่ของนายหน้าคือเป็นตัวกลางระหว่างคนที่ต้องการซื้อและคนที่ต้องการขายโดยการพา คนนี้มาเจอกันแล้วถ้าเกิดการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงก็จะได้ผลตอบแทนที่เรียกว่า “ค่านายหน้า” หรือ “ค่าคอมมิชชั่น” โดยทั่วไปแล้วค่านายหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 3ของราคาที่ทำการซื้อขายกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายหน้าและผู้ขาย

ซึ่งคนที่จะจ่ายค่านายหน้าให้กับเรานั้นส่วนใหญ่ก็คือผู้ที่ต้องการขายเป็นหลักเพราะนายหน้าเปรียบเสมือนกับเป็นพนักงานขายให้กับผู้ขายนั่นเองการเป็นนายหน้าเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะเริ่มต้นง่ายแต่ทั้งหมดอยู่ที่ความสามารถในการหาผู้ซื้อของแต่ละบุคคลยิ่งเราหาคนซื้อได้เก่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสปิดดีลได้เยอะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

2. 
ลงทุนปล่อยเช่า

สำหรับคนที่มีเงินลงทุนประมาณหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เลยก็คือการลงทุนแบบ “ปล่อยเช่า” วิธีการเริ่มต้นก็คือการที่เราเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์สักที่หนึ่งที่อาจจะเป็นคอนโด ห้องหรือเป็นบ้านสักหลังแล้วสามารถนำไปแบ่งเช่าตีกั้นผนังห้องเป็นหอพักหรือถ้าใครมีทุนมากขึ้นอาจจะลงทุนสร้างหอพักเองก็เป็นได้ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะมาจากการที่มีผู้เช่าเข้ามาเช่าอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ของเรานั่นเอง

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่าถือเป็นได้เป็นการลงทุนที่สร้าง “รายได้จากสินทรัพย์ (Passive Incomes)” ได้ดีที่สุดทางหนึ่งเป็นวิธีที่หลายๆคนให้นิยามกับวิธีนี้ว่าเป็นการหาเงินแบบเสือนอนกินนั่นเองแต่ก็มีข้อควรระวังอยู่มากกว่าการเป็นแค่นายหน้าเฉยๆเพราะในกรณีของนายหน้านั้นถ้าเราไม่สามารถพาคนที่ต้องการซื้อกับผู้ขายมาเจอกันได้อาจจะมีเสียแค่เพียงค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนในการดำเนินการเท่านั้นแต่ในกรณีลงทุนปล่อยเช่าถ้าเราหาผู้เช่าไม่ได้เราจะมีสิ่งที่เรียกว่า “ค่าเสื่อมราคา” ที่เป็นรายจ่ายหลักของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่าเลยดังนั้นก่อนลงทุนทุกครั้งต้องวิเคราะห์ด้วยว่า “ผู้เช่า” เราเป็นใครคู่แข่งในละแวกนั้นเป็นใครราคาขายของเราแข่งขันได้มั้ยและคุณภาพสู้ได้หรือเปล่าด้วยเสมอ

3. 
ลงทุนซื้อมาขายไป

วิธีสุดท้ายที่นิยมทำกันก็คือการ “ซื้อมาขายไป” เป็นวิธีที่ช่วยสร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนได้สูงที่สุดใช้ความรู้ความเข้าใจในการทำอสังหาริมทรัพย์มากกว่าวิธีอื่นๆและแน่นอนว่าความเสี่ยงก็มากกว่าด้วยเช่นกันหลักการที่ง่ายที่สุดเช่นการเข้าจองซื้อช่วง Pre-Sale ส่วนใหญ่ช่วงนี้คอนโดต่างๆจะมีส่วนลดพิเศษในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราคุ้นเคยที่เค้าเรียกกันว่า “ซื้อใบจอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หลายคนนิยมทำเช่นกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเราจะเสียแค่เพียงค่าใบจองทำสัญญาเท่านั้นราคาไม่กี่หมื่นบาทจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะถ้าเรายังถือใบจองอยู่เราก็จะต้องเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “การผ่อนดาวน์” แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเก็งกำไรใบจองมักจะพยายามขายใบจองต่อให้กับคนอื่นโดยการบวกราคาจากใบจองเพิ่มขึ้นไปสมมติว่าเราซื้อใบจองมาในราคา 50,000 บาทแล้วตอนขายใบจองขายได้ 100,000 บาทนั่นแปลว่าการลงทุนนี้เราได้กำไรสูงถึง 100% ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆเลยทีเดียวและในหลายๆครั้งก็มีคนที่สามารถทำกำไรจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะนี้ได้มากกว่า 500ด้วยเช่นกัน

แต่การลงทุนใบจองนั้นถือว่าเป็นการลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เสี่ยงสูงมากเพราะถ้าเราไม่สามารถขายใบจองได้ทันและเราไม่อยากให้เงินจองเราสูญเปล่าไปเราก็จะต้องเข้าสู่ช่วงผ่อนดาวน์แน่นอนว่าช่วงนี้ยังไม่สามารถใช้บริการธนาคารได้ต้องใช้เงินลงทุนของตัวเองเป็นหลักแล้วถ้าเราซื้อใบจองพร้อมกันหลายๆใบนั่นแปลว่าเราต้องเข้าสู่ช่วงผ่อนดาวน์พร้อมๆกันจะทำให้เราต้องใช้เงินลงทุนที่มากเลยทีเดียว

หรืออีกวิธีที่สามารถทำได้ในวงการการลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือการที่เราเข้าซื้อบ้านสักหลังคอนโดสักห้องแล้วจากนั้นก็มาทำการ “เพิ่มมูลค่า” ด้วยการรีโนเวทใหม่เพื่อปล่อยขายต่ออีกทอดหนึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้เราสามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้ผลตอบแทนจากการลงทุนก็ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบปล่อยเช่าหรือเป็นเพียงนายหน้าเท่านั้นแต่วิธีนี้ต้องอาศัยความรู้ทางการออกแบบความรู้ในการเจรจากับช่างที่มาติดตั้งและพัฒนาตามแบบของเรายิ่งเราสามารถควบคุมเองได้ก็จะช่วยลดต้นทุนในการลงทุนได้เป็นอย่างดี

Share :