18 Nov 2021

Discover 5 Breathtaking Natural Sights in Thailand

Discover 5 Breathtaking Natural Sights in Thailand

ว่ากันว่ามนุษย์นับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ อาจสังเกตได้ว่ายิ่งเราอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ชีวิตเรายั่งยืนและมีความสุขได้มากเท่านั้น และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในธรรมชาติ จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างมีสไตล์ไปพร้อมกับการดูแลธรรมชาติได้ในคราวเดียวกัน S BLOG จึงขอแนะนำ ‘5 อุทยานแห่งชาติในไทยที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทรัพยากร

ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้เราได้ผ่อนคลาย สบายใจแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับเรียนรู้และอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย

อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ผืนป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของไทย มีความสมบูรณ์ทั้งความเขียวสดชื่นและเย็นฉ่ำของสายน้ำ อันอุดมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติมากมาย ที่คุณต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพที่แสนสวยงามของเขื่อนรัชชประภาอันเงียบสงบ ท่ามกลางวิวยอดเขาหินปูนที่สลับเรียงรายกันได้อย่างน่าหลงใหล โดยนอกจากจะมีบทบาทในด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจ อุทยานแห่งชาติเขาสกยังมีพื้นที่ให้ได้เรียนรู้ระบบนิเวศ พร้อมกับการอนุรักษ์ธรรมชาติอีกมากมาย โดยคุณจะได้เพลิดเพลินและผ่อนคลาย ไปพร้อมกับการตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติในเวลาเดียวกัน พร้อมกันนั้นยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างการล่องเรือแคนู หรือการเที่ยวชม หินสามเกล​​อสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย ให้คุณได้ดื่มด่ำความงดงามจากธรรมชาติของเขาสกได้อย่างเต็มที่ โดยช่วงที่เหมาะในการเข้าไปชมอุทยานจะอยู่ในระหว่างเดือนธันวาคม - เมษายน ของทุกปี

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันเหมาะสมส่งผลให้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้นกำเนิดของผืนป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ ศูนย์รวมของป่าหลากหลายชนิดที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่ามากมาย มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่โดดเด่นสวยงามไม่เหมือนที่ไหน จนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) และอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้อุทยานแห่งนี้จึงเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ ทำให้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องทิวทัศน์ที่สวยงามและกิจกรรมการอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างกิจกรรมดูนกในอุทยานที่ได้รับความนิยมจากนักดูนกทั่วโลก เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งดูนกที่ดีที่สุดในประเทศไทย จนได้ขึ้นทะเบียนบันทึกเป็น พื้นที่สำคัญเพื่อการอนุรักษ์นกอีกด้วย โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน - มีนาคม ของทุกปี

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ขอพาคุณเดินทางไปที่ภาคเหนือกับอุทยานแห่งชาติบนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดดเด่นด้วยสภาพภูมิประเทศที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน อุดมไปด้วยพืชพรรณทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ทั้งป่าดิบเขา ป่าสน ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ อีกทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำหลายสาย นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่พร้อมให้คุณได้เดินชมความสวยงามของผืนป่าที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณไม้ เฟิร์นหลากหลายชนิด รวมถึงต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียว ที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและอากาศที่แสนบริสุทธิ์ โดย ‘กิ่วแม่ปานนับเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามอีกหนึ่งจุดของดอยอินทนนท์เลยก็ว่าได้ แนะนำให้ไปในช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม - มกราคม ของทุกปี

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ส่วนใครที่หลงใหลในความสวยงามของหมู่เกาะทางใต้ฝั่งอ่าวไทย ต้องลองไป อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองสักครั้ง เพราะมีหมู่เกาะเรียงรายมากถึง 42 เกาะครอบคลุมพื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตร ชวนให้ประทับใจไปกับความสวยงามของหาดทรายขาว และผืนน้ำที่ทอดยาวท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน โดยที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งจุดชมวิวบนยอดเขา ทะเลสีเขียวมรกต รวมไปถึงแนวปะการังใต้น้ำ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความสวยงามของหมู่เกาะอ่างทอง ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและโลกใต้ทะเลที่ไม่แพ้ที่ไหน ๆ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม เพราะเป็นช่วงคลื่นลมสงบเหมาะแก่การนั่งเรือชมความงามของเกาะต่าง ๆ มากที่สุด

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

สำหรับอุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้อย่าง หมู่เกาะพีพีซึ่งเดิมทีหมู่เกาะแห่งนี้ชาวทะเลจะเรียกว่า ปิอาปิ แปลว่าต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสมและโกงกาง ต่อมาจึงเรียกว่า ต้นปีปี ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น พีพี" มีลักษณะของธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์รอบ ๆ เกาะ โดดเด่นด้วยหาดทรายขาวที่รายล้อมด้วยภูเขาหินและหน้าผาสูงชันโดยที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้มหาสมุทร เพราะเต็มไปด้วยทรัพยากรใต้ท้องทะเลที่แสนสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีสันมากมาย ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการศึกษาธรรมชาติ พร้อมชมความงดงามของปะการังและสัตว์ทะเลหายาก ที่เรียกได้ว่าเป็นท้องทะเลที่สมบูรณ์มากที่สุดอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand ที่คนรักธรรมชาติต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง แนะนำให้ไปในเดือนมกราคม - เมษายน เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยว รวมถึงทำกิจกรรมอย่างพายเรือคายัคหรือแคนูชมความงามรอบ ๆ เกาะ

จะเห็นได้เลยว่าอุทยานแห่งชาติ นอกจากบทบาทของการเป็นพื้นที่สำหรับท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และเป็นแหล่งเรียนรู้ค้นคว้าวิจัยในเรื่องความหลากหลายของระบบนิเวศต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราควรหันมาช่วยกันดูแลรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในอุทยานแห่งชาติไปด้วยกัน เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการศึกษาความรู้ความเข้าใจต่อพื้นที่นั้น ๆ เพื่อให้ความสวยงามของธรรมชาติอยู่กับเราไปได้อีกนาน ๆ

‘SAii Phi Phi Island Village’รีสอร์ทริมทะเลบนเกาะพีพี จึงมาพร้อมแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราใส่ใจตั้งแต่การให้บริการห้องพัก ร้านอาหาร ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ไปจนถึงการดำน้ำชมปะการังและสัตว์ใต้ทะเลรอบ ๆ หมู่เกาะพีพี ที่ล้วนคำนึงถึงผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเสมอ รวมถึงมีศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ‘Marine Discovery Centre’ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตทางทะเล ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้แก่บุคคลทั่วไป

นอกจากการกำหนดทิศทางและเป้าหมายธุรกิจท่องเที่ยวตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ‘SAii Phi Phi Island Village’ ยังได้สนับสนุน พีพีโมเดลโครงการระดับประเทศของหน่วยงานภาครัฐ ที่ทำงานฟื้นฟูทะเลไทยและเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการมอบเรือตรวจการณ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่อุทยานในการปฏิบัติหน้าที่ และมอบทุ่นจอดเรือเพื่อป้องกันไม่ให้เรือนักท่องเที่ยวทอดสมอลงบนแนวปะการังจนเกิดความเสียหาย รวมไปถึงการสนับสนุนกิ่งปะการังที่ฟื้นฟูด้วยแปลงอนุบาลลอยน้ำ ร่วมกับทาง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีจนสามารถนำปะการังไปขยายพันธุ์ในทะเลบริเวณพื้นที่อ่าวมาหยาและเกาะยูงได้มากกว่า 2,000 กิ่ง

การช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ ระหว่างนักเดินทาง เจ้าหน้าที่อุทยาน นักวิชาการ และผู้ประกอบการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งหนทางสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติ ที่จะทำให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสความสวยงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกันได้อีกต่อไป เฉกเช่นเดียวกับความตั้งใจอันดีของ ‘SAii Phi Phi Island Village'

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองห้องพักได้ที่ https://bit.ly/3pVJvc7

Share :