• Home page
  • Blogs Room
  • Smart Office นิยามใหม่ของออฟฟิศแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความสุขของพนักงาน
19 Jun 2025

Smart Office นิยามใหม่ของออฟฟิศแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความสุขของพนักงาน

Smart Office นิยามใหม่ของออฟฟิศแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความสุขของพนักงาน

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง รูปแบบการทำงานก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ‘ออฟฟิศ’ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับนั่งทำงานอีกต่อไป แต่ได้วิวัฒนาการสู่การเป็น “Smart Office” หรือ “ออฟฟิศอัจฉริยะ” ที่ผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบที่คำนึงถึงประสิทธิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ลองจินตนาการถึงออฟฟิศที่เข้าใจความต้องการของเรา สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงานในแต่ละช่วงเวลา ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และช่วยให้เราโฟกัสกับงานสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็คือ Smart Office ที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ขององค์กรชั้นนำทั่วโลก


Smart Office คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญต่อธุรกิจยุคใหม่

Smart Office หรือ ออฟฟิศอัจฉริยะ คือ พื้นที่ทำงานที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาบริหารจัดการระบบต่าง ๆ ภายในอาคารและพื้นที่ทำงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์ของพนักงาน ส่งเสริมความร่วมมือ และสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร

หัวใจสำคัญของ Smart Office ไม่ได้อยู่ที่การมีอุปกรณ์ไฮเทคจำนวนมากเท่านั้น แต่เป็นการนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาทำงานด้วยกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ระบบต่างๆ สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างอัตโนมัติ สามารถเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อนำไปปรับปรุงการใช้งานพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น และตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ


ความสำคัญของ Smart Office ในโลกธุรกิจปัจจุบัน

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Increased Productivity & Efficiency) ระบบอัตโนมัติช่วยลดภาระงานรูทีน ทำให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญและสร้างสรรค์มากขึ้น
  • ยกระดับประสบการณ์ของพนักงาน (Enhanced Employee Experience) สภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานที่ยืดหยุ่น ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร
  • ดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ (Talent Attraction & Retention) ออฟฟิศที่ทันสมัยและใส่ใจพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost Savings) การจัดการพลังงานอัจฉริยะ การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระยะยาว
  • ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability) การลดการใช้พลังงานและทรัพยากร สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
  • การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Decisions) ข้อมูลจากการใช้งานพื้นที่และอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจปรับปรุงออฟฟิศได้อย่างมีหลักการ


องค์ประกอบหลักของ Smart Office เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนความอัจฉริยะ

Smart Office ประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ได้แก่

1. Internet of Things (IoT) อุปกรณ์และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น ระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ (Smart Lighting) ระบบปรับอากาศอัจฉริยะ (Smart HVAC) ระบบจองห้องประชุม (Smart Meeting Room Booking) ที่สามารถควบคุมและตรวจสอบได้จากระยะไกล และเก็บข้อมูลการใช้งานเพื่อนำไปวิเคราะห์

2. ระบบอัตโนมัติ (Automation) การทำงานของระบบต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น ไฟเปิดปิดเองตามการตรวจจับความเคลื่อนไหว หรือระบบปรับอุณหภูมิห้องประชุมให้เหมาะสมก่อนการใช้งาน

3. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานและเรียนรู้เพื่อปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การแนะนำพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมกับประเภทของงาน หรือการคาดการณ์การใช้พลังงาน

4. ระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (Intelligent Building Management System - BMS) ระบบศูนย์กลางที่ควบคุมและเชื่อมโยงระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดของอาคาร เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา ลิฟต์ ระบบรักษาความปลอดภัย

5. แพลตฟอร์มสำหรับพนักงาน (Employee-Facing Platforms) แอปพลิเคชันมือถือหรือเว็บแอปพลิเคชันที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Smart Office ได้ง่าย เช่น จองโต๊ะทำงาน จองห้องประชุม ควบคุมอุณหภูมิ หรือแจ้งปัญหา

6. ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เนื่องจากมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต


เทรนด์การออกแบบออฟฟิศที่ส่งเสริมความเป็น Smart Office

1. Flexible Space ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

เพราะการทำงานของคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในรูปแบบเดิม ๆ อีกต่อไป การออกแบบพื้นที่การทำงานอย่างยืดหยุ่น จึงนับเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจและตอบโจทย์การทำงานให้กับคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะดีไซน์ให้เป็นพื้นที่ทำงาน พื้นที่ประชุม ไปจนถึงพื้นที่พักผ่อน ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ นอกจากจะส่งผลให้ทำงานได้อย่างเป็นอิสระและสะดวกสบายแล้ว ยังให้เราค้นพบการทำงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง

2. Relaxing Space มีพื้นที่พักผ่อนเล็ก ๆ ไว้พักเบรคจากการทำงาน

ระหว่างวันของการทำงานที่เคร่งเครียดและเหนื่อยล้า หากเราได้พักเบรคสายตาก็จะช่วยให้การทำงานไม่ตึงเครียดหรือเหนื่อยจนเกินไป เทรนด์ดีไซน์ออฟฟิศสำหรับคนยุคใหม่จึงให้ความใส่ใจในเรื่องการออกแบบพื้นที่พักผ่อนเล็ก ๆ บรรยากาศสบาย ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถแวะมาผ่อนคลายได้ง่าย ๆ นำไปสู่การทำงานแบบ Work Life Balance ที่เป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว รวมถึงยังสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ และทำงานต่อได้อย่าง Productive มากยิ่งขึ้น

3. Smart Workplace ระบบอำนวยความสะดวกสบายต่าง ๆ

เพราะวิถีการทำงานของคนรุ่นใหม่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบายเป็นหลัก ทำให้การดีไซน์ออฟฟิศในปัจจุบันจึงเน้นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ให้กับเหล่ากลุ่มคน Next Generation ไม่ว่าจะเป็น ระบบอำนวยความสะดวก หรือเทคโนโลยี Automation ต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดขั้นตอนการทำงานบางอย่าง รวมถึงยังส่งเสริมให้เราภาพการใช้ชีวิตในออฟฟิศหรือสำนักงานเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สมกับเป็น Smart Workplace ที่สมบูรณ์แบบ

4. Surrounded by Nature สร้างบรรยากาศการทำงานให้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ

เพราะ ‘ธรรมชาติ’ สามารถช่วยให้จิตใจเราสงบ ผ่อนคลาย รวมถึงยังช่วยเยียวยาอาการเหนื่อยล้าและลดความเครียดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เทรนด์การดีไซน์ออฟฟิศส่วนใหญ่ในยุคนี้จะมีพื้นที่สีเขียวเพื่อให้เหล่าคนทำงานได้ใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ ที่นอกจากจะทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสมมาทั้งวันแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสร้าง Inspiration ใหม่ ๆ ส่งผลให้คนทำงานไม่รู้สึกเบื่อหน่ายจนเกินไปและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้มากกว่าที่เคย

5. Office of Sustainability ออกแบบออฟฟิศด้วยแนวคิดที่ใส่ใจความยั่งยืน

ด้วยมลภาวะและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทำให้ผู้พัฒนาอาคารสำนักงานเริ่มตระหนักถึงผลกระทบและหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทำให้การออกแบบออฟฟิศที่ใส่ใจและคำนึงถึงความยั่งยืน จึงเป็นเทรนด์ของออฟฟิศยุคใหม่ โดยจะไม่ใช่แค่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเทรนด์หลักในการดีไซน์ออฟฟิศในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการเลือกใช้พลังงานจากธรรมชาติ ที่นอกจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้เกิดเราค่าสูงสุดแล้ว ยังเป็นอาคารที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม มอบความยั่งยืนให้กับทุกด้านได้อย่างแท้จริง


S-OASIS อาคารสำนักงานระดับพรีเมียมแห่งใหม่ล่าสุด บนถนนวิภาวดีรังสิต ภายใต้การพัฒนาของสิงห์ เอสเตท ที่มาพร้อมเทรนด์ดีไซน์ออฟฟิศในรูปแบบ ‘Hybrid Workplace’ รองรับให้เหมาะสมกับการทำงานในยุคนี้ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบพื้นที่การทำงานได้ตามความต้องการของผู้เช่า รวมทั้งตอบโจทย์ให้กับผู้เช่าที่ต้องการออฟฟิศแบบสำเร็จรูปพร้อมเฟอร์นิเจอร์ และเข้าใช้งานได้ทันที ในรูปแบบ Ready-to-move

พร้อมมอบบรรยากาศการทํางานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย และยังจัดเต็มด้านระบบไอทีที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ อาทิ ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ หรือการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ ‘Daylight Sensor’ ที่ช่วยปรับแสงไฟให้เหมาะกับการใช้ชีวิตและการทำงาน นอกจากนี้ยังออกแบบพื้นที่ภายในอาคารให้เน้นใช้แสงธรรมชาติ เพื่อให้เกิดมุมมองที่โปร่งสบาย ให้คนทำงานรู้สึกผ่อนคลายและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ช่วยเสริมบรรยากาศการทำงานให้เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของ S-OASIS คือการคำนึงถึงความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตร.ม. และสวนด้านหลังโครงการ เปรียบเสมือนสะพานเชื่อม Green Bridge ที่นำธรรมชาติมาสู่คนในชุมชนได้อย่างกลมกลืน หรือการบริหารจัดการน้ำที่มีระบบบำบัดและใช้น้ำหมุนเวียนภายในโครงการ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรน้ำได้มากถึง 50% ตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED รวมถึงการเลือกใช้กระจกสองชั้นเคลือบป้องกันความร้อนเข้าสู่อาคาร ช่วยประหยัดการใช้พลังงานในสำนักงาน ที่เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่พร้อมตอบรับวิถีการทำงานในยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

Share :