Care More, Carbon Less! 7 วิธีลดโลกร้อน ด้วยการลดคาร์บอน

ปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดมากขึ้นในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่เหมือนจะไกลตัว แต่ไม่ไกลอย่างที่คิด เพราะไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทุกด้าน แต่ยังสร้างผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากเราปล่อยปะละเลยกับปัญหาเหล่านี้ ก็จะยิ่งส่งผลเสียไปเรื่อย ๆ วิธีที่ดีที่สุดคือหันมาช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มจำนวนพื้นที่ป่า ทำให้ปริมาณคาร์บอนลดลง ส่งผลให้อากาศสะอาด จนสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ S BLOG จึงขอนำเสนอ 7 วิธีง่าย ๆ สำหรับการลดคาร์บอนในชีวิตประจำวันที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

รวม 7 วิธีลดโลกร้อนง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ด้วยมือเรา

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบรีฟีล (Refill)

ไม่ใช่แค่เพียงถุงพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา แต่ยังมีบรรจุภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้านอีกมากมายที่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นขวดแชมพู รวมไปถึงขวดน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ ก็ได้กลายเป็นขยะพลาสติกเพราะไม่ได้ถูกนำมาใช้ซ้ำ เพราะฉะนั้นการหันมาใช้สินค้าที่สามารถซื้อเติมได้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดปริมาณการผลิตสินค้าที่เป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติก ส่งผลให้การปล่อยคาร์บอนมีปริมาณที่ลดน้อยลงสามารถช่วยลดโลกร้อนได้

2. เดินทางในระยะใกล้ ๆ ด้วยการเดิน หรือปั่นจักรยาน

อีกหนึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน คือการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนที่ต่างเดินทางกันด้วยรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ นำไปสู่การเกิดปัญหาโลกร้อนนั่นเอง หากเราสามารถลดการใช้รถยนต์ในระยะทางใกล้ ๆ ก็จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อีกทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือปั่นจักรยาน ก็เป็นวิธีการเดินทางที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน จึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษ อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายและยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย

3. ลดและประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยใช้เท่าที่จำเป็น และหันมาใช้แสงจากธรรมชาติ

‘ไฟฟ้า’ ก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมกันนั้นยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่เพิ่มอุณหภูมิของโลกอีกด้วย แต่เราสามารถลดและประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ โดยใช้เท่าที่จำเป็นและหันมาใช้แสงจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด นอกจากจะช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก สร้างบรรยากาศโปร่ง โล่ง อยู่สบาย ยังช่วยประหยัดไฟและลดการปล่อยคาร์บอนได้ดีเช่นเดียวกัน

4. ใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก

การใช้ถุงผ้านับเป็นกระแสนิยมในด้านบวกสำหรับคนทั่วโลกที่เริ่มหันมานิยมใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ดี เพราะในชีวิตประจำวันของเรา ถุงพลาสติกถือเป็นของใช้ที่ใกล้ตัวมากที่สุด โดยส่วนใหญ่มักจะถูกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง กลายเป็นขยะมลพิษสะสมจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปทำลายชั้นบรรยากาศของโลก หากเราหันมาลดปริมาณการใช้พลาสติกให้น้อยลงด้วยการเลือกใช้ถุงผ้าแทน ก็จะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ เพราะถุงผ้านั้นสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ ช่วยลดปริมาณขยะ ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนเพิ่มมากขึ้น

5. แยกขยะช่วยลดคาร์บอน

การแยกขยะเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราแยกขยะก็จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ การแยกขยะยังส่งเสริมการรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ การแยกขยะยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ น้ำ และดินอีกด้วย

6. เลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิต ลดการใช้พลังงาน และลดปริมาณขยะที่ถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน เพราะการเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล สินค้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ หรือสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและร่วมกันสร้างโลกที่ยั่งยืน

7. ปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนในอากาศ

แน่นอนว่า ‘ต้นไม้’ เป็นตัวช่วยในการดูดซับก๊าซคาร์บอนได้ดีที่สุด เพราะด้วยกระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ที่จะนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากักเก็บไว้ตามส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นใบ กิ่ง ลำต้น หรือรากใต้ดิน ซึ่งหากเราหันมาปลูกต้นไม้กันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างการปลูกป่า ในโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว โดย สิงห์ เอสเตท เป็นโครงการที่มุ่งสร้างพื้นที่ป่าใหม่ เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ตั้งเป้าสร้างพื้นที่ป่า 1,000,000 ตารางเมตร ภายในปี 2030 ครอบคลุมทั้งป่าต้นน้ำ ป่าในเมือง และป่าชายเลน โดยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกป่าได้ง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว ส่งผลให้มีอากาศที่ดี และ ‘เมื่ออากาศดี คุณภาพชีวิตเราก็จะดีตาม’ สุดท้ายแล้วโลกจะมีอากาศบริสุทธิ์ไม่ได้เลย หากเราไม่รีบหันมาช่วยกัน โดยสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง

อ่านแนวทางวิธีการปลูกป่าเพิ่มเติมได้ ที่นี่

SINGHA ESTATE ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเรื่องสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยนับเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะสร้างผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ จึงมาพร้อมความตั้งใจอันดีด้วยการตั้งเป้าเป็นองค์กรที่จะลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 หรือ ค.ศ.2030 และมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพื้นที่ป่า เพื่อสร้างอากาศที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ตอบโจทย์แนวคิด ‘Enriching Life’ หรือการสร้างคุณค่าให้ชีวิต ชวนทุกคนมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทุกคนได้อย่างยั่งยืน