• Home page
  • NEWS Room
  • เอส โอเอซิส ชูเอกลักษณ์อาคารสำนักงานอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเป้าสู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย
12 Aug 2021

เอส โอเอซิส ชูเอกลักษณ์อาคารสำนักงานอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเป้าสู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย

เอส โอเอซิส ชูเอกลักษณ์อาคารสำนักงานอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเป้าสู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย

กรุงเทพฯ – อาคารสำนักงาน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้บุคลากรคุณภาพตัดสินใจร่วมงานกับองค์กร ถ้าหากสำนักงานได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการทำงานในทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สิ่งนี้คือสวรรค์ของคนทำงาน และผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการอาคารสำนักงาน “เอส โอเอซิส” (S Oasis)  ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้ไว้อย่างครบสมบูรณ์ 

nn

“เอส โอเอซิส” (S Oasis) คือ อาคารสำนักงานในฝันของคนรุ่นใหม่ โดยนางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และการพาณิชย์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เอส โอเอซิส ถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิดอาคารอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart and Eco-friendly Building)  เน้นการออกแบบเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์งาน และบรรยากาศการทำงานที่มีชีวิตชีวา (Innovative Ecosystem) ซึ่งโครงการเอส โอเอซิส นอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงแล้ว  การออกแบบได้ยึดตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน  และสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุที่มีมลพิษต่ำ ควบคุมการก่อสร้างอย่างมีมาตรฐาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพในการทำงาน สู่การเป็น Sustainable Office ชั้นนำของไทย

nn

nn

เอส โอเอซิส มีการออกแบบเพื่อเป็นอาคารอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทุกการทำงาน โดยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้เริ่มตั้งแต่เรื่องอากาศภายในอาคาร มีการเติมและหมุนเวียนอากาศจากภายนอกเข้ามาภายในอาคารด้วยระบบความดันบวก (Positive Pressure) พร้อมด้วยระบบ Outdoor Air Unit (OAU) เพื่อประสิทธิภาพการกรองอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้น 2 ชั้น  นอกจากนี้  ยังมีการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อควบคุมคุณภาพของอากาศภายในอาคาร และแผ่นกรองละเอียดมาตรฐานสูง Medium Filter MERV 8 + HEPA Filter MERV  14 สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กถึง 0.3 ไมครอน (เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5) ทั้งยังมีการติดตั้งหลอด UVC ภายในเครื่อง AHU เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
n
nนอกจากนี้ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับการนำแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามา ช่วยเพิ่มความสว่างภายในอาคาร ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการใช้งาน (Occupancy Sensor) และเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงธรรมชาติ (Daylight Sensor) ในพื้นที่ต่าง ๆ ของอาคาร เพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงานและควบคุมความสว่างได้อย่างเหมาะสม เสริมด้วยการออกแบบพื้นที่สำนักงานให้เช่าให้มีเพดานสูงถึง 3 เมตร และไม่มีเสากั้นระหว่างกลาง (Column-Free Design) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ของผู้ใช้งานในส่วนกระจกนั้น ทางโครงการเลือกใช้กระจกบานใหญ่สูงจรดเพดาน (Full Height Window ทำให้สามารถรับแสงเข้าสู่พื้นที่ส่วนต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกโปร่ง โล่งและสบายมากขึ้น  ในแง่ของการใช้งานอาคาร โครงการได้นำเทคโนโลยี IoT เข้ามาผสมผสานและบริหารจัดการพื้นที่อย่างลงตัว พร้อมระบบ Internet ความเร็วสูงในพื้นที่ส่วนกลางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้อาคารในการทำงานและการเชื่อมต่อกับผู้คนภายนอกและทางโครงการยังได้ออกแบบภูมิสถาปัตย์ภายในและภายนอกอาคารให้มีพื้นที่สีเขียวกว่า 2,000 ตร.ม. โดยแบ่งเป็นพื้นที่สีเขียวแบบยั่งยืนด้วยการปลูกต้นไม้ยืนต้นในพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. และพื้นที่สำหรับปลูกไม้พุ่มคลุมดินกว่า 1,400 ตร.ม. คิดเป็นเกือบร้อยละ 60  ของพื้นที่ว่างภายนอกอาคาร โดยเลือกใช้พันธุ์ไม้บางส่วนที่สามารถฟอกอากาศและช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดระดับฝุ่นและมลพิษทางอากาศได้
n
n“ระหว่างก่อสร้าง เอส โอเอซิส เลือกใช้วัสดุที่มีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิลกว่า 75% ของเศษวัสดุจากการก่อสร้าง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบพื้นผิวภายในอาคารที่มีค่าความระเหยต่ำ (Low VOCs) ลดมลพิษ ไอระเหยต่อชุมชน และเป็นมิตรต่อสุขภาพผู้ใช้อาคาร ติดตั้งระบบระบายความร้อนชนิดเสียงรบกวนต่ำ เพื่อลดมลภาวะทางเสียง และ อุปกรณ์ลดละอองน้ำจากระบบระบายความร้อนด้านการจัดการน้ำ โครงการสามารถลดการใช้น้ำลง 50% ด้วยการบำบัด และใช้น้ำหมุนเวียนภายในอาคาร มีการเลือกใช้อุปกรณ์ หรือสุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำลง 20% เทียบจากเกณฑ์มาตรฐาน LEED และยังมีระบบจัดการน้ำฝน (ถังเก็บ และ นำน้ำฝนกลับมาใช้) ช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยาการน้ำอย่างมีคุณค่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไร้สัมผัสที่ช่วยให้รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ ในทุกกิจกรรมและทุกพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร ตั้งแต่การเข้าอาคาร และขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ พร้อมมีการทำความสะอาดในพื้นที่ตลอดเวลา รวมถึงการชำระเงินค่าบริการและสินค้าร้านค้าภายในอาคารด้วยระบบการชำระเงินแบบ Cashless เพื่อสุขอนามัย และสุขภาพที่ดีของทุกๆคน” นางอรณีย์ กล่าวเพิ่มเติม
n
nนอกจากฟังก์ชั่นต่างๆ ด้านการก่อสร้าง และออกแบบ เพื่อให้เป็น Sustainable Office แล้ว เอส โอเอซิส ยังคำนึงถึงการเข้าใช้อาคารของคนทุกๆ กลุ่ม รวมทั้งผู้พิการ ด้วยแนวคิด Universal Design อาทิ ทางลาดสำหรับการเข้า-ออก จากภายนอกอาคารเข้าสู่โครงการ ทางลาดเข้า-ออกจากพื้นที่ส่วนอาคารจอดรถเข้าสู่พื้นที่ Retail Turnstile ที่มีขนาดความกว้าง รองรับสำหรับรถเข็น ห้องน้ำคนพิการในทุกชั้น และปุ่มกดในลิฟต์ที่ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานโดยผู้พิการ  และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือเน้นเรื่องการอยู่ร่วมกับชุมชุมอย่างยั่งยืนควบคู่กันไป โดยได้ออกแบบอาคารเพื่อให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตของคนในชุมชนซอยเฉยพ่วง  มีการสร้างพื้นที่สาธารณะโดยรอบให้ดีขึ้น รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ขายของเพื่อส่งเสริมร้านค้าในชุมชนให้ดำเนินธุรกิจควบคู่กันไปด้วย
n
nโครงการเอส โอเอซิส (S Oasis) โดยสิงห์ เอสเตท ตั้งอยู่ในซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดี รังสิต พื้นที่โครงการ 6 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา อยู่ระหว่างก่อสร้างเป็นสำนักงานเกรดสูง 35 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่ใช้สอย 54,000 ตร.ม. พื้นที่ค้าปลีก 1,700 ตารางเมตร ที่จอดรถยนต์จำนวน 870 คัน  พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อร่วมสนับสนุนทุกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอาคารจอดรถโดยรอบที่รองรับได้กว่า 1,400 คัน ทั้งนี้จะเปิดให้บริการไตรมาส 1 ปีหน้า
n
nทั้งนี้ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท บริหารพื้นที่สำนักงานอาคารซันทาวเวอร์ส ริมถนนวิภาวดีรังสิต พื้นที่กว่า  62,000 ตารางเมตร และเมื่อโครงการเอส โอเสซิส แล้วเสร็จ บริษัทจะบริหารพื้นที่สำนักงานทั้งสิ้นประมาณ 116,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งสร้างบริเวณนี้ให้เป็นเอส ดิสทริค (S District) เพื่อเป็นสังคมคุณภาพแห่งใหม่ บนทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังบริหารพื้นที่สำนักงานอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี และอาคารเอส เมโทร ใจกลางพร้อมพงษ์ อีกด้วย

n
Share :